ทำไม KYC ถึงสำคัญกับบัตรเครดิตดิจิทัลการยืนยันตัวตนในโลกดิจิทัลเป็นเรื่องสำคัญนะคะ โดยเฉพาะการทำธุรกรรมทางเงิน การเปิดบัญชีดิจิทัลไปจนถึงบัตรเครดิตดิจิทัล เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าใครเป็นใคร เป็นมิจฉาชีพหรือเปล่า หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า KYC นะคะ ซึ่งทุกธนาคารจะใช้เทคโนโลยี KYC นี้เข้ามาช่วยในการตรวจสอบและรู้จักลูกค้าอย่างละเอียด ลองไปทำความรู้จัก KYC ให้มากขึ้นค่ะ และอีกคำอย่าง NDID ว่าสำคัญต่อการเปิดบัญชีหรือทำบัตรเครดิตดิจิทัลมากน้อยแค่ไหน ดูเพิ่มเติม NDID ระบบยืนตัวตนก่อนเปิดบัญชีเงินฝากดิจิทัล
ทำไมต้องทำ KYC
KYC ย่อมาจากคำว่า Know Your Customer หมายถึง "การทำความรู้จักลูกค้า" สถาบันการเงินนำมาใช้ในการตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้งาน เพื่อไม่ให้มีการแอบอ้างตัวตน หรือปลอมแปลงทำธุรกรรมทางการเงินแทนบุคคนอื่น
ถ้าไม่ทํา KYC จะส่งผลอย่างไร?
จะไม่สามารถทำธุรกรรมใด ๆ ได้ เนื่องจากเป็นขั้นตอนเพื่อพิสูจน์ความเป็นเจ้าของ และเป็นมาตรการป้องกันการทุจริตตามกฎหมาย
KYC มีกี่แบบ
KYC แบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้
1. ยืนยันตัวตน KYC แบบ Online (E-KYC)
สามารถดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ได้เลย แต่ต้องให้ข้อมูลด้านชีวมิติ (Biometric) เช่น ถ่ายรูปใบหน้า หรือสแกนลายนิ้วมือ
2. ยืนยันตัวตน KYC แบบ Face to Face
วิธีนี้ต้องไปแสดงตนกับเจ้าหน้าที่สถาบันการเงิน เพื่อให้ตรวจสอบบัตรประชาชนผ่านเครื่อง Smart Card Reader
การยืนยันตัวตนผ่าน KYC ในไทย
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้กำหนดให้ KYC เป็นส่วนหนึ่งของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งหน่วยงานที่ต้องจัดทำ KYC มีดังนี้
1. ผู้ให้บริการทางการเงิน เช่น ธนาคาร
2. ผู้ให้บริการ e-Wallet และ e-Payment
3. บริษัทซื้อขายหลักทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.)
4. ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
5. บริษัทประกันชีวิตและประกันวินาศภัย
ต้งบอกระบบว่าการธุรกรรมทางการเงินมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วมาก และ KYC หรือ E-KYC ก็เป็นอีกหนึ่งเกราะป้องกันมิจฉาชีพที่อาจแฝงเข้ามา แต่...ทุกอย่างก็ต้องเริ่มตนที่ตัวเราเองด้วยนะคะ ก่อนจะทำธุรกรรมทางการเงินอะไร ก็ต้องเช็กข้อมูลให้ดี ไม่คลิกหรือโหลดอะไรมั่ว ๆ นะคะ