“สังคมผู้สูงวัย“ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เมื่อกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขได้ให้ข้อมูลว่า อีก 3 ปี ข้างหน้า ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยโดยสมบูรณ์ ซึ่งจะมีผู้สูงอายุ อายุ 70 ปี ขึ้นไป ประมาณ 4.6 ล้านคน เราจึงต้องตระหนักถึงความสำคัญของที่อยู่อาศัย เพื่อเตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สูงอายุ และตัวเราเองในอนาคต อย่างนั้นมาดูกันดีกว่าว่า มีจุดใดในบ้านที่เราควรใส่ใจ ปรับเปลี่ยนหรือออกแบบใหม่ ให้ผู้สูงอายุได้อยู่อาศัยอย่างสะดวก สบายมากขึ้น
จุดที่ 1 ทางขึ้น หรือทางเข้า
ควรออกแบบให้มีทางลาดไว้ขึ้น – ลง แทนบันได เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุที่นั่งรถเข็น ซึ่งความกว้างของทางลาดต้องกว้างไม่ต่ำกว่า 90 เซ็นติเมตร มีอัตราความลาดชันไม่น้อยกว่า 1:12 เช่น ถ้าพื้นสูง 1 เมตร ทางลาดต้องยาว 12 เมตร และควรติดตั้งราวจับที่มีความสูง 80-90 เซนติเมตร เพื่อเป็นตัวช่วยให้กับผู้สูงอายุในการขึ้นลง
จุดที่ 2 ประตู และหน้าต่าง
ควรเลือกประตูที่มีความกว้างไม่ต่ำกว่า 90 เซนติเมตร เว้นพื้นที่ส่วนที่บานประตูจะต้องเปิดออกไปให้มีความกว้างเพียงพอ เพื่อการเข้า-ออกที่สะดวก ไม่ควรมีธรณีประตู กันการสะดุดล้ม และต้องมีระยะของมือจับสูงจากพื้น 100 เซนติเมตร หลีกเลี่ยงการใช้ลูกบิด โดยใช้ก้ารโยกแทน ในกรณีที่มีผู้สูงอายุที่นั่งรถเข็น ควรออกแบบให้หน้าต่างจากพื้นประมาณไม่เกิน 75 – 100 เซนติเมตร เพื่อให้ผู้สูงอายุนั่งชมวิวภายนอกได้
คำแนะนำ : ประตูที่ดีสำหรับคนทุกวัยควรเป็นประตูบานเลื่อน เพราะออกแรงในการเปิดน้อยกว่า แถมยังประหยัดพื้นที่ใช้สอย
จุดที่ 3 พื้น และผนัง
ควรเลือกวัสดุปูพื้นที่มีผิวสัมผัสไม่ลื่น และไม่มีลายมากจนเกินไปเพราะจะทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกเวียนหัว และตาลาย เช่น กระเบื้องดินเผาปูพื้น ในส่วนการใช้สอยที่ต่างกันควรใช้สีที่ตัดกัน เพื่อให้ผู้สูงอายุมองเห็นได้ชัดเจน เช่น พื้น ผนัง พื้นต่างระดับ รวมถึงบัวเชิงผนัง เลี่ยงการปูพรม เพราะกักเก็บฝุ่น และยังเป็นอุปสรรคต่อล้อของรถเข็น นอกจากนี้ยังอาจจะเกิดการสะดุดได้
จุดที่ 4 ห้องนั่งเล่น
เป็นส่วนที่ทุกคนในบ้านจะสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้ ควรจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เป็นระเบียบเรียบร้อย และมีพื้นที่ว่างให้เพียงพอที่จะสะดวกต่อการให้รถเข็นผ่าน ในกรณีที่มีผู้สูงอายุต้องนั่งรถเข็น ภายใต้บรรยากาศปลอดโปร่งโล่งสบาย เน้นให้แสงสว่างเข้าถึง และอากาศมีถ่ายเท
จุดที่ 5 ห้องอาหาร หรือห้องครัว
ในจุดที่ใช้ประกอบอาหาร ควรมีการเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบาย เอื้อให้ทุกคนสามารถทำอาหารร่วมกันได้ โต๊ะอาหาร หรือเคาน์เตอร์ครัว ควรออกแบบให้ข้างใต้เปิดโล่ง มีความสูงจากพื้นประมาณ 60 – 80 เซนติเมตร และความลึกไม่ต่ำกว่า 40 เซนติเมตร
จุดที่ 6 ห้องนอน
สำหรับห้องนอนของผู้สูงอายุ ควรออกแบบให้มีห้องน้ำในตัว หรือหากไม่มีก็ควรอยู่ใกล้กับห้องน้ำมากที่สุด เตียงควรมีความสูงจากพื้นประมาณ 40 – 50 เซนติเมตร มีไฟที่หัวเตียง เพื่อความสะดวกต่อการเข้าห้องน้ำในตอนกลางคืน และพื้นที่ว่างทั้ง 3 ด้าน รอบ ๆ เตียง ต้องมีความกว้างแต่ละด้านไม่น้อยกว่า 90 เซนติเมตร โต๊ะเครื่องแป้งต้องมีที่โล่งด้านล่างสูง 60 ซม. และตู้เสื้อผ้าไม่ควรสูงจนเกินไป
จุดที่ 7 ห้องน้ำ
เป็นจุดที่สำคัญที่สุด ที่เราควรใสใจ เพราะอุบัติเหตุในบ้านมักเกิดในห้องน้ำ เราจึงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้สูงอายุ เริ่มจากประตูทางเข้าควรเป็นบานเลื่อน และภายในห้องน้ำควรมีความกว้างไม่ต่ำกว่า 2 ตารางเมตร โถสุขภัณฑ์ต้องเป็นแบบนั่งราบ มีความสูงจากพื้นประมาณ 40-50 เซนติเมตร และมีราวจับเหล็กอยู่ข้าง ๆ อ่างล้างหน้าควรมีรูปแบบเว้า และกระจกควรมีความสูงที่พอดีกับความสูงของผู้สูงอายุ นอกจากนี้ก๊อกน้ำก็ควรเป็นแบบคันโยก เพราะใช้แรงในการเปิดน้อยกว่า
จุดที่ 8 ภายนอกรอบ ๆ ตัวบ้าน
จัดสวนเล็ก ๆ ให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ หรือมีพื้นที่ในการปลูกต้นไม้ เป็นกิจกรรมให้ผู้สูงอายุทำเพื่อคลายเหงา และสร้างบรรยากาศที่สดชื่นให้กับบ้าน วัสดุที่ใช้ตกแต่งสวนควรเป็นสีโทนร้อน เช่น อิฐแดง อิฐมอญโบราณ อิฐปูพื้น ลีกเลี่ยงวัสดุสีอ่อน เช่น สีฟ้า สีเทา สีเหลือง เพราะไม่เหมาะกับผู้สูงอายุที่มีปัญหาสายตาพร่ามัว
นอกจากการออกแบบบ้านที่เหมาะกับผู้สูงอายุแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการดูแลเอาใจใส่จากลูกหลาน เพราะฉะนั้นอย่าลืมหมั่นเติมความรัก ความอบอุ่นให้แก่ผู้สูงอายุ เพียงเท่านี้ทุกคนในครอบครัวก็จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขแล้วล่ะครับ
รับออกแบบบ้าน: การออกแบบบ้านเพื่อผู้สูงอายุ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://luxuryhomesdesigns.com/